ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ทำให้ตระหนักเลยค่ะว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ นอกจากการไม่มีหนี้แล้วสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ยิ่งตระหนักคือการออม เรามีเงินออมมากพอที่จะดูแลตัวเองและครอบครัวได้มากน้อยแค่ไหนยิ่งทำให้ฉุกคิดไม่ได้เลย และอดห่วงลูกไม่ได้ด้วยยุคที่มีสิ่งของให้เราเลือกซื้อมากมายแบบนี้ ไม่เฉพาะผู้ใหญ่ เด็กอนุบาลก็เป็นเหมือนกัน พอเพื่อน ๆ ในชั้นมีอะไรใหม่มาอวดก็ร้องขอจากแม่เลย ในยุคนี้คุณแม่ตระหนักเรื่องของลูก ๆ มากขึ้น นิทานสอนการออม เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ของคุณแม่ในยุคนี้เลย
นิทานสอนการออม เรื่อง ปั๊ปโปะ อยากได้ค่าขนม นั้นพ่อแม่ของปั๊บโปะ ขายขนมปัง วันหนึ่งปั๊บโปะลืมเอาค่าขนมไปโรงเรียน จึงไม่มีเงินซื้อขนม พ่อมดจึงแนะนำให้ปั๊ปโปะไปขอเงินพ่อแม่เพิ่มแล้วร่ายมนตร์ส่งปั๊บโปะไปยังร้านขนมปังของพ่อและแม่ แต่เมื่อไปถึงร้าน ปั๊ปโปะเห็นพ่อและแม่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเลยค่ะ ทำให้ปั๊บโปะย้อนกับไปทบทวนสิ่งต่าง ๆ ว่าพ่อกับแม่ซื้อของที่จำเป็นและของที่ปั๊บโปะอยากได้แล้วยิ่งมาเห็นพ่อแม่ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมาตัวปั๊ปโปะเองจะช่วยพ่อกับแม่ได้อย่างไร เด็ก ๆ หลายบ้านมักไม่รู้ค่ะว่าพ่อแม่กว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท การที่เราจะบอกลูกว่าเหนื่อยก็คงจะยากค่ะเพราะแม่เองก็ไม่ได้อยากให้ลูกมารับรู้อะไรมาก แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้ลูกถามเราว่าแล้วแม่ละเหนื่อยมั้ย คนเป็นแม่ก็ชื่นใจ ถือว่าเล่มนี้ได้ผล ถือว่าบอกลูกแทนแม่อย่างเราได้นิทานสอนการออม เรื่อง ปั๊ปโปะ หยอดกระปุก ปั๊ปโปะและเพื่อน ๆ ไปซื้อไอศกรีมด้วยกัน แต่ปั๊ปโปะเห็นว่าเพื่อนของเขาชื่อว่า พองพองซื้อไอศกรีมมากกว่าตน เท่านั้นไม่พอ พองพองยังซื้อนิทานเล่มใหม่และดินสอกล่องใหม่ จึงทำให้ปั๊ปโปะสงสัยว่าทำไมนะ พองพอง ถึงมีเงินซื้อของหรือเพราะว่า พองพอง ได้เงินค่าขนมเยอะกันแน่ แต่เมื่อคุยกับ พองพอง แล้วจึงรู้ว่า ที่พองพอง สามารถซื้อของได้ เพราะพองพอง มีเคล็ดลับเกี่ยวกับ การออม นั่นเอง เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ลูกสาวผู้ซึ่งอยากได้ของเยอะแยะมากมายเห็น พองพอง ออมเงินแล้วมีเงินซื้อของได้เองจึงอยากออมเงินเองบ้าง
การใช้นิทานมาเป็นผู้ช่วยชื่อเรื่อง ปั๊ปโปะ อยากได้ค่าขนม และเรื่อง ปั๊ปโปะ หยอดกระปุก เขียนโดย ภารดี มีนชัยนันท์ จากสำนักพิมพ์ 1168 พับลิชชิ่ง ราคาเล่มละ 149 บาท ทั้งสองเล่มนี้เป็นนิทานสอนการออม ที่ปลูกฝังได้ดีมากเลย
เครดิตภาพ : mamaexpert.com