ในฐานะของผู้ที่เรียนจบคณะครุศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัยมาโดยตรงทำให้ตัวของดิฉันเองค่อนข้างจะผูกพันกับหนังสือความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และจิตวิทยาพัฒนาการมาก ซึ่งหนึ่งในหนังสือที่ชอบมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นหนังสือที่ชื่อว่า “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” ซึ่งอาจารย์มักจะเล่าถึงหนังสือเล่มนี้ให้นักศึกษาทุกคนฟังอยู่เสมอว่า หนังสือนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เพราะบอกเล่าถึงพัฒนาการของเด็กในทุกด้านอย่างครอบคลุม และทำให้ผู้ใหญ่รู้ว่าพวกเขามองข้ามอะไรในการฝึกลูกหลานในวัยเด็กของพวกเขาไป หนังสือรอให้ถึงอนุบาบก็สายเสียแล้วจะมีเนื้อหาความรู้ที่สมชื่อหนังสือจริง ๆ เพราะสิ่งที่อัดแน่นผ่านปลายปากกาของชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กนี้ได้รวบรวมทุกอย่างที่ผู้ปกครองมักจะประมาทในการปลูกฝังซึ่งหากได้อ่านก็จะเข้าใจและตระหนักในการปลูกฝังเด็กปฐมวัยมากขึ้นโดยไม่ต้องรอให้ครูเป็นผู้สร้างเสริมเด็กเท่านั้น เพราะเมื่อถึงเวลาจริง…ก็อาจจะสายไปแล้ว
เนื้อหาพอสังเขปของหนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว”
หนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” เป็นหนังสือแปลในหมวดหมู่แม่และเด็กจากปลายปากกาของ “คุณมาซารุ อิบุกะ” ที่บอกเล่าการให้ความรู้แนวคิดเรื่องการศึกษาในเด็กปฐมวัยตามสภาพจริงที่ท่านได้สำรวจและมีประสบการณ์ในการคลุกคลีกับสิ่งนี้มา ด้วยทุกคนมักจะชอบมองว่ามนุษย์มีความโง่ ฉลาด และมีพรสวรรค์ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด ทั้งที่จริงแล้ว ความสามารถและอุปนิสัยส่วนใหญ่จะกำเนิดในช่วง 0-3 ขวบต่างหาก โดยการจะเกิดขึ้นได้ คือ เด็กต้องได้รับการจัดการเรียนรู้ส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านเสียก่อน หากมีการส่งเสริมน้อย รอให้ถึงอนุบาลอย่างเดียวก็จะทำให้เด็กตามคนอื่นไม่ทันจนดูอ่อนทักษะ แต่หากมีการส่งเสริมมาดีก็จะเป็นเด็กที่ชอบอยู่กับกิจกรรมและเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ได้ดีมาก ฉะนั้น ตอนที่เกิดมา เราทุกคนจึงเป็นผ้าขาวที่ไม่มีใครฉลาดหรือโง่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูในครอบครัวเป็นหลัก หากไม่ทำอะไรแล้วรอให้เด็กอายุ 3 ขวบเข้าโรงเรียนก็สายไปเสียแล้ว
ความน่าสนใจของหนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว”
หนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” จะมีการลงรายละเอียดของเนื้อหาการพัฒนาทักษะที่สำคัญของเด็กแบบเจาะลึกเน้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กมีความฉลาดและพรสวรรค์ในตัวเองผ่านการส่งเสริมด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ของครอบครัวโดยทำให้ผู้ปกครองมีความเข้าใจว่าเด็กต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไรในช่วงเวลาที่เด็กอายุ 0 – 3 ขวบอันเป็นช่วงเวลาทองของการที่สมองกำลังพัฒนาถึงขีดสุดและคุณสามารถใส่ความรู้ต่าง ๆ ที่เด็กควรรู้ได้เท่าที่วัยของเขาจะเหมาะและสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขา ทั้งภาษา ดนตรี ตัวอักษร พีชคณิต และอื่น ๆ เราจัดกิจกรรมสำคัญเหล่านี้ด้วยเป้าหมายสำคัญที่ตรงไหน หนังสือนี้จะทำให้เราเข้าใจได้ หนังสือรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้วได้รับการการันตีมากจากพ่อแม่ของชาวญี่ปุ่นและหลายครอบครัวในต่างประเทศมาแล้วว่านำไปใช้ได้จริง พวกเขาเข้าใจลูกหลานมากขึ้น และยังการันตีได้จากการที่ผู้เขียนอยู่กับลูกที่ครั้งนั้นยังคงเป็นเพียงเด็กปฐมวัย ทำให้ท่านได้เห็นถึงปัญหาในพัฒนาการช่วงวัยต่าง ๆ และทำการออกแบบการจัดกิจกรรมให้ลูกของท่านจนเป็นผลสำเร็จด้วย
ข้อคิดดี ๆ จากหนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว”
หนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” มีข้อคิดดี ๆ ที่คุณควรรู้ คือ คนในครอบครัวทุกคนมีบทบาทสำคัญที่จะต้องคอยช่วยกันสร้างเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้กับลูกหลานในวัย 0 – 3 ขวบของตัวเองทั้งนั้น ครูคือส่วนหนึ่งของการที่จะนำพาให้เด็กปฐมวัยก้าวเข้าสู่ความรู้ที่ลึกมากขึ้น แต่เด็กจะก้าวผ่านยากหากไม่ได้รับการปูพื้นฐานมาจากที่บ้านก่อน คุณจึงไม่ควรปล่อยลูกหลานของคุณให้เป็นไปตามธรรมชาติของวัยเอง
เครดิตภาพ : mutita-punnana
#หนังสือสำหรักเด็ก #หนังสือแนะนำ #หนังสือดีน่าอ่าน