แม้ว่าในวันนี้ผู้คนจะอ่านหนังสือเล่มกันน้อยลง แต่ก็ยังมีนักอ่านวัยเรียนอีกมากมายที่ยังคงชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มอยู่เพราะ พวกเขามองว่าการได้ซื้อหนังสือเล่มมาครอบครองไว้นั้นทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีเพื่อนอยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลา เวลาอยากนำกลับมาอ่านอีกครั้งก็เพียงแค่เดินไปหยิบ ไม่ต้องโหลดอีบุ๊คมาให้เหนื่อยหลังจากที่กดลบไปนานแล้วเมื่อเครื่องมีพื้นที่เก็บไม่เพียงพอและช้าด้วย โดยเฉพาะหนังสือวรรณกรรมที่ผู้คนมักจะชอบซื้อเป็นเล่มมาอ่านกันมากที่สุดจนมีการประกวดรางวัลซีไรต์หนังสือดีเด่นทุกปี ซึ่งหนังสือวรรณกรรมส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นหนังสือแนวที่ผู้ใหญ่วัยทำงานชอบ เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าแนวทางปรัชญาที่ทำให้เรามองโลกในอีกแง่มุม แต่เด็กก็อ่านได้เช่นกัน ทว่าเท่าที่ดูในแต่ละปีแล้วเราก็ยังไม่เห็นว่าจะมีวรรณกรรมซีไรต์เรื่องใดที่ดังจนบอกเล่าข้ามยุคสมัยไปว่าหนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ได้เลย
เรื่องย่อหนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ”
หนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ” เป็นนวนิยายแนวชีวิตและครอบครัวจากปลายปากกาของนักเขียน “งามพรรณ เวชชาชีวะ” ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เมือ่หลายปีก่อน โดยความสุขของกะทิได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “กะทิ” เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักไปด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่รู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงฝากกะทิให้ตากับยายเลี้ยง ทำให้หลังจากผ่านพ้นความเสียใจมา กะทิก็เติบโตมาท่ามกลางความรักของตาและยาย มีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่นและมีเรื่องราวน่าประทับใจบนวิถีสโลว์ไลฟ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ชีวิตเธอมีความสุขที่สุด
ความน่าสนใจของหนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ”
หนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ” เท่าที่อ่านดูเรื่องย่อคร่าว ๆ คุณอาจจะคิดว่า เรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากการบอกเล่าความสุขในชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่มีโลกของตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งทุกคนก็มีเหมือนกันในมุมที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องความสุขของกะทิน่าสนใจกว่าเรื่องอื่นก็คือ การบอกเล่าความเข้มแข็งของเด็กคนหนึ่งที่อายุเพียงแค่ 9 ขวบก็ต้องสูญเสียแม่และไม่ได้อยู่กับพ่อด้วย มองในมุมของคนทั่วไปเป็นลูกของพวกคุณ พวกคุณจะทนได้หรือที่ต้องให้เขามีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ ใคร ๆ ก็ย่อมห่วงลูกตัวเอง ชีวิตของเขาควรจะมีแต่ความสุขได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกจนกว่าเขาจะโต แต่กะทินั้นเป็นเหมือนตัวแทนแสงสว่างยุคใหม่ให้กับเด็กที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์เรื่องพ่อแม่ เธอสามารถใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้มได้เมื่อมีความรักของผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ที่เข้ามาทำให้เธออบอุ่นใจจนไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ ในชีวิตเลย อีกทั้งยังมีเพื่อนบ้านครอบครัวอื่นและเด็กวัยเดียวกันที่คอยอยู่เคียงข้างกะทิด้วย ฉะนั้นนอกจากเราจะได้ลุ้นกับชีวิตกะทิแล้ว ยังจะได้เห็นวิถีเรียบง่าย ทว่ามีแต่ความสนุกสนานของชาวบ้านที่เวลานี้ยังคงมีอยู่ แต่เรากลับมองข้ามกันไปเพราะกระแสโลกาภิวัตน์ ทุกอย่างครบครันในวรรณกรรมนี้
ข้อคิดดี ๆ จากหนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ”
หนังสือวรรณกรรมเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ได้แฝงข้อคิดดี ๆ ที่อยากมอบให้คนอ่านว่า ชีวิตคุณจะไม่มีคำว่าเงียบเหงาอย่างแท้จริงแน่นอน แม้ว่าการสูญเสียคนที่เรารักจะเกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน แต่ความเศร้าก็อยู่กับเราแค่เพียงชั่วขณะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเราก็จะได้สิ่งใหม่ ๆ เข้ามาทดแทนเสมอจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่และพร้อมเคียงข้างเรา เราจะได้ใกล้ชิดพวกเขามากขึ้นจนรักพวกเขามากกว่าก่อนหน้า หรือหากคุณไม่มีใครก็สามารถสร้างความสุขจากการเดินไปตามเส้นทางการงานหรือเป้าหมายที่เรารักได้
เครดิตภาพ : shopee
#หนังสือน่าอ่าน #ความสุขของกะทิ #หนังสือดีแนะนำ